น้ำยาของแม่

          สมัยเด็กๆ เมื่อต้องกรอกข้อมูลอาชีพให้แม่ ผมมักจะสะดุดและหยุดคิดจังหวะสองเสมอว่าจะกรอกอาชีพอะไรดี หมอนวด ค้าขาย เกษตรกร หรือรับจ้างทั่วไป ก็เคยถามแม่เหมือนกันนะว่าแม่มีอาชีพอะไร แกก็มักจะตอบปัดๆ ว่าใส่ไปเหอะอะไรได้เงินแม่ก็ทำหมดแหละ

          แต่อาชีพของแม่ที่ผมจดจำ และเป็นภาพจำไม่เคยลืมเลยก็คือ “แม่ค้าขนมจีน”

          ผมภูมิใจกับอาชีพแม่ค้าขนมจีนของแม่เสมอมา แม้ว่าจะเป็นอาชีพที่แม่ทำในช่วงสั้นๆ ประมาณ 10 ปี เพราะแม่เข้าสู่อาชีพนี้ในช่วงวัยใกล้เกษียณแล้ว ที่สำคัญแม่เป็นคนทำเส้นขนมจีน และน้ำยาเอง แม่จึงทำของขายแบบวันเว้นวันพออายุมากขึ้นก็ตำแป้งโม่แป้งและอื่นๆ ไม่ไหวแล้วนั่นเอง

          แต่ก็เป็นช่วงสั้นๆ ที่ผมภูมิใจในอาชีพของแม่มาก เป็นทศวรรษที่แม่พิสูจน์ให้ผมเห็นว่าคนที่มีเสน่ห์ปลายจวักนั้นทำอะไรก็อร่อย ทั้งที่สูตรการทำขนมจีนของแม่ไม่ได้มาจากต้นตำรับ หรือต้นตระกูลของแม่เลย แต่มาจากการเป็นลูกจ้างทั่วไปให้กับร้านขนมจีนแถวบ้านผม

          หลังจากที่แม่เลิกเป็นลูกจ้างร้านขนมจีน แม่ก็เริ่มสนใจที่จะลองทำขนมจีนน้ำยาให้คนในครอบครัวกิน และแบ่งให้คนข้างบ้านได้ชิม จุดเปลี่ยนอาชีพของแม่อยู่ตรงนี้แหละ เมื่อได้ฟีดแบ็คกลับมาว่า ทำอร่อยแบบนี้น่าจะทำขายได้นะ แล้วแม่ผมก็เริ่มจากตรงนั้น แม่เป็นแม่บ้านประเภทซนอยู่ไม่สุข อะไรที่ทำแล้วหาเงินเข้าบ้านได้แม่ทำหมดทุกอย่าง แม้แต่แกงคางคก หรือผักเสี้ยนดอง สองเมนูนี้แม่ทำไม่บ่อยแต่ทำทีไรบรรจุถุงใส่ถาดเดินขายหมดไม่ถึงชั่วโมงในรัศมีห่างบ้านไม่เกิน 100 เมตร แต่แม้จะขายดี แม่ก็ยืนยันทำไม่เยอะส่วนหนึ่งเอาไว้ขายอีกส่วนหนึ่งเอาไว้กิน

          แม่บอกว่าทำเท่าที่มีแรง และหาเงินเก็บเอาไว้ใช้เรื่องอื่นๆ แต่ก็ไม่อยากจะทำบ่อยเพราะกินเองด้วยทำให้เบื่อไปเอง แม่ว่าอย่างนั้น แต่กรณีขนมจีนแม่ผมทำอยู่หลายปี ขณะที่พ่อผมมีงานอดิเรกเป็นหลักทำสวนดอกเยอบีร่า แต่เมื่องานขายขนมจีนไปได้ดี พ่อกับผมก็ต้องมาช่วยตำแป้ง หมักแป้ง และโรยเส้นขนมจีน นอกนั้นแม่ทำเองทุกอย่างตั้งแต่โรยเส้น จับเรียงเส้นใส่กระจาด ปรุงน้ำยา น้ำพริก และหาบไปขายในชุมชนย่านห้าแยก (ใกล้ๆ บ้าน)

          ผมในวัยนั้นกินฝีมือแม่แบบคุ้นชิน เฉยๆ ก็กินๆ ไปให้อิ่ม และไม่เคยคอมเมนต์ด้วยซ้ำว่าอร่อยมั๊ย รู้แต่ว่ากินบ่อยๆ มันจะเบื่อ ผมมารับรู้ว่าแม่ทำขนมจีนน้ำยาอร่อยจึงไม่ใช่เพราะว่ากินเองแต่เพราะมีคนอื่นยืนยัน ลูกค้าแถวๆ บ้านที่มารอซื้อกินที่บ้านผมขณะที่อาหารยังอยู่ในกระบวนการผลิต

          ขนมจีนงานขายของแม่ผมจะเริ่มโรยเส้น และปรุงน้ำยาเสร็จช่วงเย็นๆ ค่ำๆ เพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อมไปขายช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ลูกค้าของแม่ใจร้อนครับเขาจะมารอซื้อกินที่บ้านผมในวันที่กำลังโรยเส้น และปรุงน้ำยาเดือดปุดๆ ค่ำนั้นเลย โดยที่ลูกค้าของแม่เท่าที่จำได้ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการมีทั้งครู ตำรวจ ทหาร พยาบาล พนักงานธนาคาร กรรมกร สามล้อ และคนละแวกบ้าน ระหว่างรอกินลูกค้าเหล่านี้ก็จะสรวลเสเฮฮาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันราวกับลานบ้านผมเป็นผับแนวอิซากายะแบบญี่ปุ่น

          บางวันก็มีครูประจำชั้น และครูบางวิชาของผมแวะมาซื้อดอกไม้ของพ่อ และรอกินขนมจีนของแม่ด้วย ผมก็ได้แต่ก้มหน้าหวาดๆ เป็นธรรมชาติอย่างคนขี้อาย ทักทายคนไม่เป็น ผมจึงมักจะโดดงานไปเล่นบอลกับเพื่อนบ่อยๆ แต่แม่ก็ไม่เคยว่านะ เหมือนแกจะรู้ว่าไม่ใช่ทางของผม หลายคนบอกว่าการได้มากินที่บ้านผมช่วงเย็นๆ มันอร่อยเพราะเส้นสด และน้ำยาสด อีกทั้งยังมีเมนูเฉพาะแบบที่ร้านขนมจีนทั่วไปไม่มีนั่นคือ แป้งจี่ย่างไฟ และแป้งขนมจีนที่ตกตะกอนก้นหม้อเป็นก้อน ตักใส่จานราดน้ำยาร้อนๆ ลูกค้าบอกว่านี่คือจานพิเศษที่อร่อยจริงหากินยาก

          อีกดัชนีที่ยืนยันว่าขนมจีนน้ำยาของแม่อร่อยก็คือ เวลาธนาคารจัดงานบุญเขาจะมาจ้างแม่ทำขนมจีนไปเสริฟที่งานเสมอ นั่นจึงยืนยันได้ว่าคนที่นี่เขาชอบฝีมือแม่จริงๆ แต่ก็อย่างที่บอกนะครับว่าแม่ผมอายุเยอะแล้ว งานขนมจีนในแบบครบวงจร ทำทั้งเส้นหมัก และเส้นโม่ รวมถึงปรุงน้ำยาเองเป็นงานที่ต้องใช้เวลา และใช้แรงกายเยอะทำให้ช่วงหกสิบปลายๆ ของแม่จึงจำต้องวางมือไป และหันมาทำกินเองแบบนานๆ ทีเมื่อมีแขกพิเศษมาขอให้ทำ

          ในช่วงปลายของชีวิตแม่ เวลามีใครอยากกินขนมจีนเราจะเลือกซื้อเส้นจากตลาด แต่น้ำยาจะต้องขอให้แม่ช่วยปรุง แม่ผมชอบโขลกพริกแกงเองซื้อวัตถุดิบเอง และทำทุกๆ อย่างเอง ไม่ว่าจะแกะหนังปลา คนน้ำยาหน้าเตา และอื่นๆ น้ำยาของแม่คือบทพิสูจน์ฝีมือแม่ครัวที่มีน้ำยา จนแม้วันท้ายๆ ของชีวิตแม่แกก็ยังมีแก่ใจที่จะปรุงน้ำยาให้ใครต่อใครที่อยากกินต้องได้กิน รวมถึงผมเองในวันที่ได้กลับมาดูใจแม่ในวันที่ป่วยหนักแล้วแกก็ยังอุตส่าห์ออกปากถามผมว่าอยากกินอะไรมั๊ยจะทำให้

          นี่ล่ะครับแม่ผมคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ

หลุยส์เลนส์
6 ก.พ.65

I write therefore I am. เขียนไว้-ในวันที่ไม่อยู่อธิบาย